From Gadgets to Enterprise, We’ve Got IT All. - ครบที่สุด ทุก Segment

เพิ่มเพื่อน Line @SpeedCom / โทร 061-393-3443

เทคนิคประหยัดแบตโน๊ตบุ๊กและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว ด้วย 10 วิธีตั้งค่าพลังงาน

เทคน-คประหย-ดแบตโน-ตบ-กและย-ดอาย-การใช-งานในระยะยาว-ด-วย-10-ว-ธ-ต-งค-าพล-งงาน SpeedCom

เทคนิคประหยัดแบตโน๊ตบุ๊๊กและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว เป็นสิ่งที่ผู้ใช้หลายคนต้องการ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่สามารถใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ และช่วยลดความเสี่ยงของแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว บทความนี้จะนำเสนอ 10 วิธีตั้งค่าพลังงานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้แบตเตอรี่ และยืดอายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คในระยะยาว มาดูกันว่าคุณสามารถปรับแต่งเครื่องของคุณได้อย่างไรบ้างเพื่อการใช้งานที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่าที่สุด

เทคนิคประหยัดแบตโน๊ตบุ๊๊กและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว ด้วยการปรับตั้งค่าพลังงาน

การเลือกโหมดพลังงานที่เหมาะสม

การเลือกโหมดพลังงาน (Power Mode) ที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญเพื่อให้โน๊ตบุ๊คของคุณใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ตั้งค่าพลังงานเป็นโหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแบตเตอรี่ (Battery Saver / Better Battery) โดยเฉพาะเมื่อใช้งานโดยไม่เสียบปลั๊ก เพราะโหมดเหล่านี้จะลดการใช้พลังงานของซีพียู จอภาพ และส่วนต่าง ๆ ของระบบแบบอัตโนมัติโดยไม่ทำร้ายประสิทธิภาพจนเกินไป

การตั้งค่าระยะเวลาการปิดหน้าจอและเข้าสู่โหมดสลีป

ตั้งระยะเวลาการปิดหน้าจอและเข้าสู่โหมดสลีปให้อยู่ในช่วงเวลาสั้น เช่น 3–5 นาที เมื่อไม่มีการใช้งาน เพื่อป้องกันการใช้พลังงานโดยเปล่าประโยชน์ การตั้งค่าที่เหมาะสมนี้จะช่วยลดการใช้งานของหน้าจอและหน่วยประมวลผลเมื่อไม่มีการใช้งาน ทำให้ใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้นมาก

ลดความสว่างหน้าจอและจัดการการแสดงผลเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

ปรับลดความสว่างหน้าจออย่างเหมาะสม

หน้าจอเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากที่สุดในการใช้งานโน๊ตบุ๊ค การลดความสว่างหน้าจอลงประมาณ 30-50% หรือปรับให้เหมาะสมกับสภาพแสงรอบข้าง จะช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยถนอมสายตาพร้อมกันด้วย

ใช้โหมดแสดงผลสีเข้มหรือธีมสีเข้ม

การตั้งค่าโน๊ตบุ๊คให้ใช้ธีมสีเข้ม (Dark Mode) หรือพื้นหลังสีเข้มในระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน จะช่วยลดการใช้พลังงานโดยเฉพาะจอแสดงผลแบบ OLED และช่วยลดภาระของการ์ดจอในการแสดงสีสว่าง ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทาง

จัดการแอปพลิเคชันและการใช้ทรัพยากรเบื้องหลัง

ปิดแอปที่ไม่จำเป็นและลดแอปทำงานเบื้องหลัง

ตรวจสอบและปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งาน รวมถึงปิดการทำงานของแอปที่รันอยู่ในพื้นหลัง เพราะแอปเหล่านี้มักใช้ CPU และ RAM ซึ่งส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าที่ควร การจัดการแอปเหล่านี้ทำได้ง่ายผ่าน Task Manager หรือการตั้งค่าพลังงานของ Windows

ลดการซิงค์หรืออัปเดตอัตโนมัติในแอปต่าง ๆ

แอปที่มีการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ เช่น อีเมลและแอปแชท ควรตั้งค่าให้ซิงค์ด้วยตัวเองหรือสลับเป็นโหมดประหยัดพลังงาน เพราะกระบวนการซิงค์บ่อยจะใช้พลังงานแบตเตอรี่มาก

เปิดใช้งาน Battery Saver และโหมดประหยัดพลังงานอัตโนมัติ

ใช้ฟีเจอร์ Battery Saver ในระบบปฏิบัติการ

ใน Windows และระบบปฏิบัติการอื่น ๆ จะมีฟีเจอร์ Battery Saver ที่ออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานเมื่อแบตเตอรี่ต่ำ การเปิดใช้งานโหมดนี้ช่วยให้ระบบลดความสว่างหน้าจอ ปิดแอปบางตัวในพื้นหลัง และจำกัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น ทำให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งค่าเปิด Battery Saver อัตโนมัติที่ระดับแบตเตอรี่ที่กำหนด

แนะนำให้ตั้งค่าระดับการเปิดใช้งาน Battery Saver อัตโนมัติ เช่น เมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 20-30% ระบบจะเปิดโหมดนี้เองโดยอัตโนมัติ ช่วยปกป้องแบตเตอรี่จากการใช้งานเกินพอดีในช่วงสำคัญ

จัดการการตั้งค่าการเชื่อมต่อและอุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อประหยัดแบต

ปิด Wi-Fi และ Bluetooth เมื่อไม่ใช้งาน

Wi-Fi และ Bluetooth เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ใช้พลังงานมหาศาลเมื่อเปิดใช้งานตลอดเวลาโดยไม่ได้ใช้งาน หากไม่ได้เชื่อมต่อให้ปิดฟังก์ชันเหล่านี้ก่อนจะช่วยเพิ่มระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ได้ทันที

ถอดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ไม่ใช้

การเสียบอุปกรณ์ต่อพ่วงเช่นเมาส์ไร้สายหรือแฟลชไดรฟ์เมื่อไม่ใช้งานจะดึงพลังงานจากแบตโน๊ตบุ๊ค โดยไม่จำเป็น ควรถอดอุปกรณ์เหล่านี้ออกเพื่อประหยัดแบตและลดภาระความร้อนของระบบ

ปรับแต่งการเล่นวิดีโอและการแสดงผลเพื่อช่วยยืดแบตเตอรี่

  • ตั้งค่าการเล่นวิดีโอให้ปรับความละเอียดต่ำลงเมื่อใช้แบตเตอรี่
  • ปิดฟีเจอร์สตรีมมิ่งวิดีโอ HDR หากไม่จำเป็น
  • เลือกใช้โปรแกรมเล่นวิดีโอที่มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการปรับตั้งค่าวิดีโอ

เข้าไปที่การตั้งค่าแอปเล่นวิดีโอ แล้วเลือกตัวเลือกปรับให้เหมาะสมสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ อีกทั้งสามารถเลือกใช้ตัวเลือกเล่นวิดีโอที่ความละเอียดต่ำลงเมื่อใช้งานจากแบตเตอรี่เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน

ใช้โหมด Hibernate แทน Sleep และจัดการแผนพลังงานขั้นสูง

โหมด Hibernate ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า Sleep

โหมด Hibernate จะปิดเครื่องและบันทึกสถานะงานทั้งหมดลงในฮาร์ดไดรฟ์ ช่วยให้โน๊ตบุ๊คแทบไม่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ ต่างจาก Sleep ที่ยังคงใช้พลังงานในระดับต่ำ ดังนั้นการตั้งค่านี้ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ดีในระยะยาว

ตั้งค่าแผนพลังงานแบบกำหนดเอง

ถ้าคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโน๊ตบุ๊คอย่างละเอียด คุณสามารถสร้างแผนพลังงานแบบกำหนดเอง (Custom Power Plan) ที่ปรับลึกทั้งระดับ CPU, หน้าจอ, ฮาร์ดไดรฟ์ และอื่นๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะของคุณ

เคล็ดลับเสริม เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และความเสถียรของโน๊ตบุ๊ค

  • ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% และหลีกเลี่ยงการปล่อยแบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0%
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือความร้อนสะสม ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมไวขึ้น
  • รีสตาร์ตเครื่องเป็นประจำเพื่อเคลียร์แอปหรือโปรเซสที่ทำงานผิดปกติและกินแบตเกินจำเป็น
  • หมั่นอัพเดตระบบปฏิบัติการและไดรเวอร์เพื่อให้ระบบบริหารจัดการพลังงานได้ดีที่สุด

จัดการความร้อนช่วยรักษาแบตเตอรี่

การตั้งวางโน๊ตบุ๊คในที่ระบายอากาศดี ไม่วางบนที่นุ่มๆ ที่ปิดกั้นช่องลม จะช่วยลดความร้อนสะสม ทำให้แบตเตอรี่และชิ้นส่วนภายในอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เสื่อมเร็ว

สรุปได้ว่า เทคนิคประหยัดแบตโน๊ตบุ๊๊กและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว นั้นสามารถทำได้โดยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน ปรับลดความสว่างหน้าจอ จัดการแอปและการเชื่อมต่อต่างๆ ให้เหมาะสม รวมถึงเลือกใช้โหมดการพักเครื่องให้ถูกต้องตามสถานการณ์ การตั้งค่าที่ถูกต้องจะช่วยให้โน๊ตบุ๊คของคุณใช้งานได้นานขึ้นและแบตเตอรี่เสื่อมช้าลง หากคุณสนใจเรียนรู้วิธีปรับแต่งขั้นสูงเพิ่มเติมหรือเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมฟีเจอร์ประหยัดพลังงานสูง สามารถสำรวจข้อมูลและสินค้าเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของคุณให้ดีที่สุด