NVIDIA Reflex คืออะไร ?
NVIDIA Reflex เป็นเทคโนโลยีที่ NVIDIA พัฒนาขึ้นมาเพื่อลด ความหน่วง ( Latency ) ในการเล่นเกม โดยจะส่งผลโดยตรงกับเกมที่เป็น FPS ( First-Person Shooter ) ซึ่งตัวเกมจะเน้นไปที่การตอบสนองที่รวดเร็วว่องไว และตัดสินแพ้ชนะกันเพียงเสี้ยววินาที ดังนั้น เทคโนโลยี NVIDIA Reflex จึงเข้ามาช่วยลด ความหน่วง ( Latency ) ให้ลดลงและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของอุปกรณ์และลดอาการ Lag หรือ ช้า ระหว่างการใช้งาน
หลักการทำงานของ NVIDIA Reflex
การ์ดจอที่รองรับ NVIDIA Reflex
-
GeForce GTX 16-series : GTX 1650, 1660, 1660 Ti
-
GeForce RTX 20-series (Turing) : RTX 2060, 2070, 2080, 2080 Ti
-
GeForce RTX 30-series (Ampere) : RTX 3060, 3070, 3080, 3090, 3090 Ti
-
GeForce RTX 40-series (Ada Lovelace) : RTX 4060, 4070, 4080, 4090
โดยนอกจากการ์ดจอที่รองรับแล้ว ไม่ใช่ว่าเกมไหนก็สามารถใช้ NVIDIA Reflex ได้ เราต้องมาดูอีกว่าเกมที่เราต้องการเล่นนั้น ผู้พัฒนาเกมได้มีระบบรองรับการใช้งานของ NVIDIA Reflex หรือไม่
แนะนำเกมที่รองรับ NVIDIA Reflex
NVIDIA Reflex รองรับในหลายเกมที่มุ่งเน้นการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยเฉพาะในเกม FPS ( First-Person Shooter ) และเกมที่ต้องการใช้การตอบสนองที่รวดเร็วและ ลื่นไหล
เกมที่รองรับ NVIDIA Reflex
- Apex Legends
- Call of Duty: Modern Warfare (2019)
- Call of Duty: Warzone
- Call of Duty: Vanguard
- Call of Duty: Black Ops Cold War
- Fortnite
- Valorant
- Battlefield V
- Escape from Tarkov
- DOOM Eternal
- Rainbow Six Siege
- Hyper Scape
- Rocket League
- Watch Dogs: Legion
- Cyberpunk 2077 (รองรับเมื่อใช้ DLSS)
- Control (รองรับเมื่อใช้ DLSS)
ฟีเจอร์ NVIDIA Reflex
-
Low Latency Mode
- ช่วยลดความหน่วงในการประมวลผล โดยลดระยะเวลาในการส่งข้อมูลจากการกดปุ่มไปจนถึงการแสดงผลในเกม
-
Boost Mode
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลในสถานการณ์ที่ต้องการการตอบสนองสูง
-
NVIDIA Reflex + DLSS
- ใช้ร่วมกันทำให้ลดภาระงานของ GPU และเพิ่มความเร็วในการแสดงผล
NVIDIA Reflex Vs NVIDIA Reflex 2
NVIDIA Reflex (เวอร์ชันแรก)
-
ฟีเจอร์หลัก
- เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลด ความหน่วง (Latency) ในการเล่นเกม โดยเฉพาะในเกมที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่น เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPS)
-
การทำงาน
- ลดระยะเวลาระหว่างการกดปุ่มและการแสดงผลบนหน้าจอ โดยปรับปรุงการทำงานระหว่าง CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
โหมดหลัก
- Low Latency Mode: ลดความหน่วงในการประมวลผล
- Low Latency + Boost Mode: เพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผมแม้ในสถานการณ์ที่มีความหลากหลายของข้อมูล
-
เกมที่รองรับ
- เกม FPS และเกมแข่งขันที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่น Apex Legends, Call of Duty, Valorant เป็นต้น
NVIDIA Reflex 2 (เวอร์ชันที่สอง)
-
ฟีเจอร์หลัก
- การพัฒนาและปรับปรุงจากเวอร์ชันแรก โดยมุ่งเน้นการลด ความหน่วง (Latency) ให้ได้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยปรับการทำงานระหว่าง CPU และ GPU ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
-
การทำงาน
- ใช้เทคโนโลยี Reflex SDK ในการจัดการการทำงานระหว่าง CPU และ GPU ซึ่งช่วยลดความหน่วง (Latency)ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดสูง
- สนับสนุนการทำงานร่วมกับ DLSS (Deep Learning Super Sampling) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกและลดภาระงานของ GPU
-
การทำงานแบบ End-to-End
- ลดความหน่วงของอุปกรณ์จากทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกดปุ่มของผู้เล่นไปจนถึงการแสดงผลบนหน้าจอ
-
เกมที่รองรับ
- รองรับเกมที่ต้องการการตอบสนองสูงและรองรับเทคโนโลยี Reflex 2 เช่น Apex Legends, Call of Duty, Valorant, Cyberpunk 2077 (เมื่อใช้ DLSS) เป็นต้น
ความแตกต่างหลัก
-
NVIDIA Reflex
- เน้นที่การลดเวลาแฝงในเกมที่มีการตอบสนองสูง โดยใช้การปรับปรุงระหว่าง CPU และ GPU
-
NVIDIA Reflex 2
- พัฒนาต่อยอดจากเวอร์ชันแรก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันระหว่าง CPU และ GPU ให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้ Reflex SDK และรองรับการทำงานร่วมกับ DLSS เพื่อให้ได้ทั้งการลดเวลาแฝงและกราฟิกที่สวยงาม
สรุป NVIDIA Reflex นั้นจำเป็นหรือไม่ ?
กรณีใช้เพื่อเล่นเกม
- สำหรับผู้เล่น eSports หรือผู้เล่นที่เน้นการแข่งขัน
-
- การตอบสนองที่เร็วเป็นสิ่งสำคัญในเกมประเภท FPS หรือเกมที่ต้องการการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น
- Reflex ช่วยลดความหน่วงระหว่างการกดปุ่มและการแสดงผลบนหน้าจอ ทำให้ผู้เล่นสามารถตอบสนองได้เร็วยิ่งขึ้น
- ช่วยลดการหน่วงเวลาในเกม
-
- เกมที่มีการตอบสนองสูงหรือมีความต้องการเวลาแฝงต่ำ (เช่น Apex Legends, Call of Duty, Valorant) จะได้รับประโยชน์จากการเปิดใช้ Reflex เพราะจะทำให้ภาพบนหน้าจอแสดงผลเร็วขึ้นและแม่นยำกว่า
- เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมในระดับสูง / eSports
-
- สำหรับผู้เล่นที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเล่นเกมและเพิ่มความได้เปรียบจากการใช้งาน Reflex จะช่วยให้ประสบการณ์การเล่นมีความสมจริงและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น
กรณีใช้งานทั่วไป
- ถ้าคุณเป็นผู้เล่นทั่วไปหรือไม่ได้เน้นการเล่นเกมในระดับแข่งขันหรือ eSports เทคโนโลยี NVIDIA Reflex อาจไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะเกมในระดับนี้อาจไม่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วขนาดนั้น
สรุป
เทคโนโลยี NVIDIA Reflex มีส่วนช่วยทำให้การเล่นเกมนั้นลื่นไหลมากขึ้นจริง ซึ่งมีผลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเกม FPS หรือ เกมการแข่ง eSports ที่ต้องใช้การตอบสนองที่ว่องไว และรวดเร็ว ที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบแก่ผู้แข่งขัน แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานปกติ ในการทำงานประจำวัน หรือ ใช้งานทั่วไป เทคโนโลยี Nvidia Reflex ก็จะไม่ได้เห็นผลชัดเจนขนาดนั้น เมื่อเทียบกับการใช้งานกับเกม FPS และ eSports
รวมสินค้า NVIDIA คลิกเลย