ซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน Working Laptop โน้ตบุ๊คสำหรับองค์กร สเปกดี ราคาโดน ที่ SpeedCom

โน้ตบุ๊คทำงาน ถือว่าเป็นขั้วตรงข้ามของโน้ตบุ๊คเกมมิ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่เกมเมอร์ เพราะด้วยการออกแบบ และสเปกภายในที่กำหนดมาเพื่อการทำงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ทำให้โน้ตบุ๊คประเภทนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งกับองค์กรและบริษัทที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์สำหรับพนักงาน หรือบุคคลทั่วไปที่มองหาคอมพิวเตอร์พกพา ไว้ใช้ในการทำงานต่างๆ ในวันนี้ SpeedCom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโน้ตบุ๊คทำงานกันให้มากขึ้น ทั้งจุดเด่น ข้อดีข้อเสีย และวิธีการเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน ให้ได้สเปกที่ตรงใจที่สุด

โน้ตบุ๊คทำงาน คืออะไร ทำไมต้องซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน

โน้ตบุ๊คทำงาน (Working Laptop) ถือว่าเป็นหนึ่งในประเภทย่อยของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในสำนักงานและใช้ทำงานต่างๆ เช่น งานเอกสาร จัดการข้อมูล การประชุม งานเขียนโปรแกรม และงานกราฟิก ตัดต่อต่างๆ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊คทำงานในการเรียนการสอนต่างๆ อีกด้วย

โดยส่วนมากแล้ว โน้ตบุ๊คทำงานจะมีสเปกที่ไม่ค่อยสูงมาก และบางรุ่นก็อาจจะไม่มีการ์ดจอแยก ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการนำมาเล่นเกมจริงจัง แต่โน้ตบุ๊คทำงานก็มีจุดเด่น ที่ขนาดและน้ำหนักมีความเบาสบาย พกพาง่าย ทำให้เหมาะแก่การถือเคลื่อนย้าย และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า รวมถึงราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้หลายๆ คนเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานมาใช้งาน มากกว่าโน้ตบุ๊คประเภทอื่นๆ

จุดเด่นของโน้ตบุ๊คทำงาน

• ขนาดและน้ำหนักที่เบาสบาย: โน้ตบุ๊คทำงานส่วนใหญ่ จะออกแบบมาให้มีหน้าจอขนาดเล็ก เช่นขนาด 13-15 นิ้ว มีดีไซน์ที่บางเฉียบและมีน้ำหนักที่เบาสบาย เพียงประมาณ 1-2 กก. ทำให้การซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องทำงานนอกสถานที่ หรือต้องเคลื่อนย้ายโน้ตบุ๊คบ่อยๆ เช่น การประชุมงาน พบปะลูกค้า หรือการพกโน้ตบุ๊คไปทำงานในร้านกาแฟ และ Co-working Space ต่างๆ
• แบตเตอรี่ที่อึดกว่า: นอกจากจะบางเบาแล้ว โน้ตบุ๊คทำงานส่วนมาก ก็มีสเปกภายในที่ออกแบบมาเพื่อการประหยัดพลังงาน ทำให้โน้ตบุ๊คทำงานมีแบตที่อึดกว่าโน้ตบุ๊คประเภทอื่นๆ
• ราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก: ด้วยความที่ราคาไม่สูงมาก ทำให้คนที่มองหาโน้ตบุ๊ค หรือนักเรียน นักศึกษาเลือกที่จะซื้อโน้ตบุ๊คทำงานกันเป็นหลัก

ข้อควรระวังของโน้ตบุ๊คทำงาน

• สเปกไม่แรงเหมือนโน้ตบุ๊คเกมมิ่ง: แต่ด้วยความที่เน้นการประหยัดพลังงาน ทำให้ประสิทธิภาพส่วนใหญ่ มักจะด้อยกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือโน้ตบุ๊คเกมมิ่ง รวมถึงการที่ไม่มีการ์ดจอแยกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการนำมาเล่นเกมเท่ากับโน้ตบุ๊คเกมมิ่ง

โน้ตบุ๊คทำงาน มีกี่แบบ

ก่อนที่จะเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานนั้น เรามาดูประเภทย่อยของโน้ตบุ๊คทำงานกันก่อน โดยมีทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

1. โน้ตบุ๊คทำงานทั่วไป (Working Laptop)

เป็นโน้ตบุ๊คทำงานที่สามารถหาได้ทั่วไป และเป็นที่นิยมมากที่สุด และมีราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุด เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บไซต์ เปิดเมล พิมพ์เอกสาร จัดการตารางต่างๆ ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊คทำงานมาใช้งานทั่วไป หรือทำงานออฟฟิศต่างๆ รวมถึงนักเรียน นักศึกษาต่างๆ ด้วย

2. โน๊คบุ๊คทำงานบางเบา (Thin & Lightweight Laptop)

โน้ตบุ๊คทำงานบางเบา เป็นโน้ตบุ๊คที่ออกแบบมาให้ตัวเครื่อง มีความบางมากกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปและน้ำหนักที่เบาสบาย ตอบโจทย์การพกพา ไม่ว่าจะเป็นการถือ หรือใส่กระเป๋าก็ไม่รู้สึกหนัก โดยส่วนมากราคาจะสูงกว่าโน้ตบุ๊คทำงานทั่วไปพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ เช่นเซลล์ หรืองานที่เน้นการประชุม พูดคุย การทำงานแบบ WFA (Work from anywhere) รวมถึงผู้ที่ไม่ต้องการใช้งานโน้ตบุ๊คหนักๆ ด้วย

3. โน้ตบุ๊คทำงาน 2-in-1 (2-in-1 Laptop)

โน้ตบุ๊คทำงาน 2-in-1 คือโน้ตบุ๊คที่มีหน้าจอแบบ Touchscreen และสามารถพับจอไปยังด้านหลัง แล้วใช้งานแบบแท็บเล็ต (Tablet) ได้ และด้วยจุดเด่นนี้เอง ทำให้โน้ตบุ๊คทำงาน 2-in-1 เหมาะสำหรับคนทำงานสายกราฟิก วาดรูปต่างๆ ไม่น้อย

4. โน้ตบุ๊คทำงาน Workstation (Workstation Laptop)

เป็นประเภทโน้ตบุ๊คทำงานที่มีสเปกสูงที่สุด และมักจะมีขนาดที่ใหญ่เหมาะสำหรับงานที่ต้องอาศัยประสิทธิภาพและการคำนวณที่ค่อนข้างสูง เช่น การตัดต่อภาพ วิดีโอ การสร้างโมเดล 3D ใช้งานในด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมเป็นหลัก

เลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน ต้องดูอะไรบ้าง

สำหรับใครที่กำลังมองหา หรืออยากซื้อโน้ตบุ๊คทำงานจากสปีดคอม แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนถึงจะตรงกับความต้องการที่สุดสามารถเลือกได้จากทั้ง 5 หัวข้อต่อไปนี้

1. เลือกสเปกตามการใช้งาน

ในการซื้อโน้ตบุ๊คทำงาน จุดแรกที่ควรพิจารณาก็คือสเปกของโน้ตบุ๊คว่าเหมาะสมพอดีกับทั้งการใช้งาน และงบประมาณของเราหรือไม่ เพราะหากซื้อโน้ตบุ๊คทำงานที่มีสเปกสูงเกินการใช้งาน ก็คงใช้งานได้ไม่เต็มที่ ไม่สมกับราคาที่จ่ายไป ขณะเดียวกันหากได้สเปกที่ต่ำกว่า ก็จะทำให้การทำงานของเราไม่ราบรื่นเช่นเดียวกัน โดยสเปกคอมพิวเตอร์ที่ควรสังเกตเป็นหลัก ได้แก่

1.1 ซีพียู

ซีพียูในโน้ตบุ๊คทำงาน จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบรนด์หลักๆ ได้แก่ Intel ที่มีซีพียูรุ่น Intel Core i3, i5, i7, i9 และ Core Ultra 5, 7, 9 ที่เน้นการประมวลผลร่วมกับ AI และแบรนด์ AMD ที่มีซีพียูรุ่น AMD Ryzen 3, 5, 7, 9 และ AMD Ryzen AI ที่เน้นการประมวลผลร่วมกับ AI ด้วยเช่นกัน

โดยการเลือกซีพียูในโน้ตบุ๊คทำงานให้เหมาะกับการใช้งานนั้น หากการใช้งานหลักๆ ของเราคือการพิมพ์งานเอกสาร ทำรายงาน ใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ เป็นหลัก การเลือกซีพียู Intel Core i3, i5, AMD Ryzen 3, 5 หรือรุ่นที่มีระดับใกล้เคียง ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว แต่หากมีการใช้งานในระดับที่สูงขึ้น เช่น การทำงานด้านวิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis) ทำงานตัดต่อวิดีโอ เขียนโปรแกรม ก็ควรที่จะเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานที่มีซีพียูระดับสูง อย่างเช่น i7, i9 หรือ Ryzen 7, 9 ที่ตอบโจทย์การทำงานของเรามากกว่า 

1.2 แรม

แรมในโน้ตบุ๊คทำงานนั้น ก็มีตัวเลือกด้านความจุมากมาย โดยการเลือกความจุดแรมก่อนตัดสินใจซื้อโน้ตบุ๊คทำงานนั้นหากเป็นการใช้งานทั่วไปความจุเริ่มต้นที่ 8GB ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากในการทำงานของเรา จำเป็นต้องใช้งานหลายๆ โปรแกรม หรือต้องมีการเปิดเว็บไซต์หลายๆ หน้า ก็ควรจะเลือกความจุที่มากกว่า 16GB ขึ้นไป เพื่อการทำงานที่ลื่นไหลมากขึ้น

1.3 การ์ดจอ

โน้ตบุ๊คทำงานส่วนใหญ่ จะมีเพียงการ์ดจอออนบอร์ด (Onboard GPU) ที่ติดมากับซีพียู ซึ่งประสิทธิภาพส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้แรงเท่ากับการ์ดจอแยก แต่ด้วยความที่การทำงานส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งการประมวลผลภาพที่สูง ทำให้ในการซื้อโน้ตบุ๊คทำงานนั้นสามารถข้ามสเปกนี้ได้ เว้นแต่ว่า หากต้องการใช้ทำงานที่เน้นการประมวลผลกราฟิก เช่น การตัดต่อวิดีโอ, การทำ Motion Graphic, การทำโมเดล 3D และการทำแอนิเมชัน (2D, 3D Animation) ต่างๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาการ์ดจอเพิ่มไปด้วย

1.4 ความจุข้อมูล

ความจุข้อมูลของโน้ตบุ๊คทำงาน ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้ที่จำเป็นต้องเก็บไฟล์ข้อมูลสำคัญจำนวนมากไว้ในเครื่อง ที่อาจจะพิจารณา ซื้อโน้ตบุ๊คทำงานที่มีความจุ 1 TB ขึ้นไปเป็นหลัก ส่วนใครที่ไม่ได้สนใจในการเก็บไฟล์ หรือทำงานบนระบบคลาวด์ (Cloud) เป็นหลัก ก็สามารถเลือกโน้ตบุ๊คที่ความจุน้อยกว่านี้ได้เช่นกัน

2. เลือกขนาดและหน้าจอที่ต้องการ

นอกจากเรื่องของสเปกแล้ว การเลือกขนาดหน้าจอของโน้ตบุ๊คทำงานเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะเป็นขนาดเครื่องของเราแล้ว ขนาดหน้าจอยังบ่งบอกถึงน้ำหนักตัวเครื่องได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่อยากเน้นการพกพาเป็นหลัก ควระเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เช่นจอขนาด 13-14 นิ้ว หรือขนาดกลางๆ อย่าง 15 นิ้ว แต่ถ้าต้องการใช้งานจอที่มีขนาดใหญ่ แนะนำให้เลือกหน้าจอที่มีขนาด 17-18 นิ้ว สำหรับพื้นที่หน้าจอที่เต็มตายิ่งขึ้น

3. ดูว่าพอร์ตการเชื่อมต่อเพียงพอหรือไม่

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือเรื่องของพอร์ตการใช้งานต่างๆ บนเครื่อง ว่าเพียงพอกับ Display ที่เราต้องการเชื่อมต่อ หรือมีพอร์ตที่จำเป็นในการใช้งานหรือไม่ เช่น พอร์ต USB ที่บางรุ่นอาจจะมีแค่ USB-C อย่างเดียว ก็จะทำให้ไม่สามารถใช้งานกับเมาส์ คีย์บอร์ดส่วนใหญ่ที่ใช้พอร์ต USB-A หรือใครก็ต้องการซื้อโน้ตบุ๊คทำงานไปใช้ร่วมกับจอคอมพิวเตอร์ ก็ควรตรวจสอบให้ดีว่า โน้ตบุ๊ครุ่นนั้นมีพอร์ต HDMI หรือพอร์ต USB-C ที่สามารถส่งสัญญาณภาพได้หรือไม่

4. ดูฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากทั้งสามข้อที่กล่าวไป โน้ตบุ๊คทำงาน ก็มีฟีเจอร์ และฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่ควรใส่ใจในจากเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานด้วย เช่น ระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก การถอดจอออกจากตัวเครื่อง กล้องเว็บแคมที่สามารถปิดได้ หรือการกันน้ำ กันกระแทก เป็นต้น

5. ราคาโน้ตบุ๊ค พอดีกับงบที่ต้องการ

และสุดท้าย ก็คือเรื่องของราคา และงบประมาณที่เราตั้งไว้ ก็ควรที่จะพอดีกับโน้ตบุ๊ครุ่นที่ต้องการ ถ้าหากว่าโน้ตบุ๊ครุ่นนั้นมีราคาถูกกว่างบที่ตั้งไว้ ก็จะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อย แต่ถ้าราคาสูงกว่างบที่จะซื้อโน้ตบุ๊คทำงานไหว ก็อาจจะต้องตั้งหลักกันใหม่ ว่าจะรอเก็บเงินเพิ่ม หรือจะลดสเปกให้ราคาพอดีกับงบแทน

การเลือกซื้อโน้ตบุ๊คทำงานที่เหมาะสมกับความต้องการนั้น นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนแล้ว ยังช่วยให้การทำงานต่างๆ ของแต่ละคนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าจะกระตุก คอมค้างระหว่างทำงานให้เสียโอกาส เสียเวลา สำหรับใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊คทำงานคุณภาพเยี่ยม สเปกดี ฟีเจอร์แน่น ตอบโจทย์ทุกการใช้งานแล้ว ลองแวะเข้ามาดูโน้ตบุ๊คทำงานสำหรับองค์กร และโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ จาก SpeedCom ได้ที่เว็บไซต์ Speedcom.co.th ได้เลย